| Shimizu Mega-City Pyramid มหาพีระมิดแห่งแดนอาทิตย์อุทัย |
![]() |
ถ้าเอ่ยถึงมหานครที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คงหนีไม่พ้นกรุงโตเกียว แต่แม้ว่ามันจะเป็นเมืองที่แออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คนที่เร่งรีบในการดำเนินชีวิต แต่มันก็ยังเป็นมหานครที่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ด้วยระบบการคมนาคมขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ Shimizu Group บริษัทออกแบบและก่อสร้างยักษ์ ใหญ่ของญี่ปุ่น จึงได้เสนอไอเดียสร้างเมืองแห่งอนาคต ที่มีชื่อว่า The Shimizu TRY Mega-City Pyramid โครงการก่อสร้างรูปทรงพีระมิดขนาดยักษ์ที่จะเกิดขึ้นในแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งจะเป็นเมืองขนาดย่อม ที่จะถูกสร้างขึ้นบริเวณอ่าวโตเกียว ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการสร้างบ้านแปลงเมืองของมนุษยชาติ เพื่อรองรับวิถีชีวิตแห่งโลกแห่งอนาคต ที่จะพรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่จะอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต The Shimizu TRY Mega-City Pyramid แม้ว่าจะได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากพีระมิด แต่มันจะมีความยิ่งใหญ่อลัการมากกว่ามหาพีระมิดแห่งเมืองกิซ่า ชนิดที่เทียบกันไม่ได้ โดยอภิมหาพีระมิดแห่งแดนปลาดิบ จะมีความสูงจากระดับพื้นดินถึง 2 กิโลเมตร นับเป็นโครงการสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างมา |
![]() |
ส่วนรูปแบบในการก่อสร้างอภิมหาพีระมิดแห่งนี้ โครงสร้างของมันจะเป็นการประกอบรวมกันของพีระมิดเล็กๆ จำนวน 204 ส่วน และแบ่งเลเยอร์หลักๆ ได้ 8 เลเยอร์ ซึ่งในแต่ละเลเยอร์จะมีความสูงเท่ากับ 250.5 เมตร รวมแล้วมหาพีระมิดแห่งนี้จะมีความสูงเท่ากับ 2,0004 เมตร แม้จะสูงขนาดนี้แต่มันก็ถูกออกแบบมาให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวและซึนามิได้ด้วย ในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่มากๆ การเลือกใช้วัสดุจะต้องให้ความสำคัญกันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับวัสดุที่มีเบาแต่ทว่าต้องมีความแข็งแรง และเพื่อให้ได้วัสดุที่มีคุณสมบัติเฉพาะจึงได้มสีการวิจัยแลพัฒนาวัสดุพิเศษที่เรียกว่า Carbon Nanotubes ขึ้นมา เพื่อนำมาใช้เสริมกับเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างของโปรเจกต์นี้โดยเฉพาะ ในส่วนของจัดแบ่งการพื้นที่ใช้งาน รวมๆ แล้วมันสามารถรองรับผู้คนได้นับล้านชีวิต โดยในส่วนของ พื้นที่พักอาศัยมีมากถึง 240,000 ยูนิต พอที่จะรองรับผู้อยู่อาศัยได้มากถึง 750,000 คน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ อีกกว่า 24 ตารางกิโลเมตร สามารถรองรับผู้คนได้กว่า 8 แสนคน และยังมีพื้นที่สำหรับทำงานวิจัยและพื้นที่พักผ่อนอีกกว่า 14 ตารางกิโลเมตร |
![]() |
แน่นอนว่า เมืองขนาดใหญ่แบบนี้ ปัญหาการเดินทางภายในตัวอาคารเป็นเรื่องที่จะต้องออกแบบและจัดเตรียมไว้อย่างรอบครอบ ซึ่งภายในอาคารออกแบบให้มีทางเลื่อนความเร็วสูง ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมด้วยลิฟต์ทางลาดเพื่อช่วยย่นเวลาในการเดินทาง รวมถึงมีระบบขนส่งมวลชนภายในที่ไม่ต้องใช้คนขับ และเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอีกประการหนึ่งของเมืองใหญ่ขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องพลังงาน เพราะหากต้องพึ่งพาพลังงานจากภายนอกเพียงอย่างเดียว คงจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป โปรเจกต์นี้จึงได้ออกแบบให้สามารถผลิตพลังงานได้ด้วยตัวเอง โดยมาจากแหล่งความร้อนของแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความ ต้องการ จึงมีการนำพลังงานจากคลื่นในอ่าวโตเกียว และสารสกัดจากสาหร่ายมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม แหล่งพลังงานหลักของโปรเจกต์นี้ มาจากผนังกระจกของพีระมิด ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานโดยผ่านทาง เซลล์โฟโต้โวลตาอิก ที่จะเปลี่ยนพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับพีระมิดยักษ์แห่งนี้ |
![]() |
![]() |





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น